โครงสร้างของโปรแกรม 1 โปรแกรมปาสคาล
โปรแกรมในภาษาปาสคาล แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1. ส่วนหัว (Heading) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม
ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตามด้วยชื่อของโปรแกรม
และจบบรรทัดด้วย ; รูปแบบ PROGRAM ชื่อโปรแกรม
(รายชื่ออุปกรณ์); ตัวอย่าง PROGRAM EXAM1; PROGRAM
EXAM1(INPUT,OUTPUT); ข้อสังเกต ชื่ออุปกรณ์ คือ INPUT,
OUTPUT หรือชื่อของไฟล์ที่เกี่ยวข้องภายในโปรแกรมถ้าไม่ระบุจะถือว่า
INPUT เข้าทาง keyboard และ OUTPUT
ออกทางจอภาพ 2. ส่วนข้อกำหนด (Declaration
part) คือส่วนตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงคำว่า BEGIN ของโปรแกรมหลัก และเป็นส่วนที่เรากำหนดค่าต่าง ๆ ดังนี้ 2.1 VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปร รูปแบบ VAR รายชื่อตัวแปร
: ประเภทของข้อมูล; ตัวอย่าง VAR I,J,K : INTEGER;
NAME : STRING; SALARY : REAL; 2.2 TYPE เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลขึ้นใหม่
รูปแบบ TYPE ชื่อของแบบ = ประเภทหรือค่าของข้อมูล; ตัวอย่าง TYPE SCORE = INTEGER; WEEK = (MON, TUE, WED, THU, FRI);
VAR TEST, MIDTERM, FINAL : SCORE; DAY : WEEK; จากตัวอย่างต้องประกาศชื่อแบบของตัวแปรก่อนแล้วจึงประกาศชื่อตัวแปรที่เป็นแบบ
2.3 CONST เป็นการกำหนดค่าคงที่ รูปแบบที่ 1 CONST รายชื่อค่าคงที่ = ค่าที่กำหนด; รูปแบบที่ 2
CONST รายชื่อค่าคงที่ : ประเภทของข้อมูล = ค่าที่กำหนด; ตัวอย่าง CONST HEAD = ‘EXAMINATION’; CONST A = 15; CONST SALARY
: REAL = 8000.00; 2.4 LABEL ใช้คู่กับคำสั่ง GOTO ภายในโปรแกรม รูปแบบ LABEL รายชื่อของ LABEL;
ตัวอย่าง LABEL 256,XXX; เช่น GOTO
256; GOTO XXX; 3. ส่วนคำสั่งต่าง ๆ (Statement Part) เป็นส่วนสุดท้ายของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วย “BEGIN” และปิดท้ายด้วย
“END.” ตัวอย่าง BEGIN Statement หรือคำสั่งต่าง
ๆ ; END. 2 โปรแกรมภาษา C โครงสร้างของภาษา
C ทุกโปรแกรมของภาษา C มีโครงสร้างเป็นลักษณะดังรูป
3 Basic โดรงสร้างในการเขียนโปรแกรมด้วย Visual Basic • การประกาศตัวแปร o แบบ Implicit o แบบ Explicit • กฎการตั้งชื่อตัวแปรและค่าคงที่
o การตั้งชื่อคอนโทรลและอ๊อบเจ็กต์ ตามคำแนะนำของไมโครซอฟท์
• ชนิดของข้อมูล • การใช้งานตัวแปรแบบใช้สัญลักษณ์พิเศษกำกับ
• ขอบเขตของตัวแปร o ตัวแปรแบบ Local o
ตัวแปรแบบ Public • การใช้งานตัวแปรร่วมระดับโพรซีเดอร์
• การตั้งชื่อตัวแปรแบบบอกชนิดและขอบเขต • ตัวแปรอาร์เรย์
o แบบสแตติก o แบบไดนามิก • การสร้างตัวแปรอาร์เรย์มากกว่า 1 มิติ • การใช้งานคอนโทรลอาร์เรย์ • การสร้างชนิดของข้อมูลขึ้นใช้เอง
• การประกาศค่าคงที่ • ตัวดำเนินการใน Visual
Basic 6.0 o ด้านคณิตศาสตร์ o ด้านตรรกะ
o ด้านการเปรียบเทียบ o ด้านเชื่อมข้อความ
4 Assembly โปรแกรม จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ
ซึ่งอยู่ในรูปแบบของเลขไบนารี่ที่เรียกว่าภาษา Machine ซึ่งเป็นภาษาที่สามารถ
ติดต่อให้คอมพิวเตอร์ เข้าใจได้ ภาษา Machine นี้จะจัดให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นเลขฐานสิบหก
(HEX) เช่น คำสั่ง 8 บิต 11101011B
(B-ไบนารี่) เขียนได้เป็น 0EBH(H-ฐานสิบหก)
แต่ก็เป็นการที่จะเข้าใจความหมาย ได้ยากในการใช้งาน การที่จะทำความเข้าใจภาษา Machine
จะมีการใช้สัญลักษณ์ (Symbols) ที่เรียกว่า Mnemonics
เพื่อแทนความหมายของคำสั่ง เช่น MOV A,#67H หมายความว่านำข้อมูลค่าคงที่
67H ไปเก็บไว้ใน reg. A) โปรแกรมที่เขียนด้วยรหัส
Mnemonics เรียกว่า ภาษา Assembly และก่อนที่จะให้
CPU ทำงานตามโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา Assembly ได้ แต่ต้องเปลี่ยนให้เป็นภาษา Machine ก่อน โดยใช้
โปรแกรมแอสเซมเบลอ 5 Jawa โครงสร้างโปรแกรมภาษาจาวา
public class ชื่อคลาส { public static void main(String[]
agrs) { ประโยคคำสั่งต่างๆ ของโปรแกรม;
..................................................; } } ตัวอย่างโปรแกรมภาษาจาวา
ไฟล์ Example.java class Example { public static void main(String[] args)
{ String dataname = “Java Language“; System.out.println(“My name is OAK“);
System.out.println(“OAK is a “ + dataname +“. “); } } หมายเหตุ
Compile : javac Example.java จะได้ไฟล์ Example.class Run :
java Example Output : My name is OAK OAK is a Java Language คำอธิบาย
- method main( ) จะเป็น method หลักที่ใช้ในการ
run program ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น
ในการ run program จะต้องทำการเขียนคำสั่งไว้ใน method
นี้ - การแสดงผลทางจอภาพ (Console
Output) ใช้ method ชื่อ "println"
ซึ่งอยู่ใน System.outคำสั่งนี้จะรับข้อมูลที่เป็น
String เพื่อนำมาแสดงผลทางจอภาพ 6 Cobol ภาษาโคบอล (COBOL programming language) เป็นภาษาโปรแกรมระดับสูงภาษาหนึ่งที่อยู่มาอย่างยาวนาน
COBOL ย่อมาจาก Common Business Oriented Language เป็นภาษาที่นิยมนำไปใช้ทางธุรกิจ ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1959 โดยนักคอมพิวเตอร์กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Conference on Data
Systems Languages (CODASYL) และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 ภาษาโคบอลมีการแก้ไขและปรับปรุงอยู่ตลอด ดังนั้น
เพื่อขจัดปัญหาความแตกต่างของตัวภาษาโคบอลในแต่ละเวอร์ชัน
สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกัน (ANSI) จึงได้พัฒนามาตรฐานกลางขึ้นมาในปี
ค.ศ. 1968 เป็นที่รู้จักกันในนามของ ANS COBOL ต่อมาเมื่อ ปี ค.ศ. 1974 ทาง ANSI ได้นำเสนอ ANS COBOL รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่ารุ่น
1968 และในปี ค.ศ. 1985 ANSI ก็นำเสนออีกรุ่นหนึ่งที่มีคุณสมบัติมากกว่ารุ่นปี
1974 รูปแบบภาษาโคบอลแบ่งออกเป็น 4 ดิวิชั่น
คือ 1. Identification division การกำหนดชื่อโปรแกรมและชื่อผู้เขียน
2. Environment division การอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3.
Data division การอธิบายเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล 4.
Procedure division การอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการประมวลผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น